ตำนาน สัตว์ประหลาด ลึกลับรอบโลก และถิ่นที่อยู่

ตำนาน สัตว์ประหลาด  ถึงมนุษย์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดบนโลกใบนี้ และโลกเราก้าวหน้าพัฒนาไปไกลมากแล้วก็ตาม แต่อย่าลืมว่ายังคงมี สัตว์ลึกลับ ที่อาศัยอยู่ในที่ห่างไกลผู้คน โดนเราไม่อาจพิสูจน์ได้ถึงการมีตัวตนของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้เลย ตามเรามาเปิด 9 ตำนาน สัตว์ประหลาด ลึกลับรอบโลก ลองดูกันดีกว่าว่า สัตว์ลึกลับเหล่านี้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันบ้าง

 

ตำนาน สัตว์ประหลาด Hawkesbury River Monster

 

ตำนาน สัตว์ประหลาด  ลงไปยังดินแดนทางใต้อย่างประเทศออสเตรเลีย หนึ่งในประเทศที่อยู่บนทวีปดึกดำบรรพ์ ดังนั้นคงไม่แปลกหากจะเจอสัตว์ที่ดูเหมือนจะหลงมาจากยุคไดโนเสาร์ อย่าง  ‘ สัตว์ประหลาดแห่งแม่น้ำ Hawkesbury ’ ประเทศ Australia ที่มีรายงานผู้พบเห็นมากกว่า 100 ราย

ลักษณะของมันคล้ายไดโนเสาร์ หัวคล้ายงู ความยาวกว่า 35 ฟุต ผู้พบเห็นส่วนใหญ่จะเห็นมันดำผุดดำว่ายอยู่กลางทะเลสาบ ขณะที่พวกเขากำลังตกปลาอยู่ ว่ากันว่ามันดูคล้ายกับ Plesiosaur ไดโนเสาร์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 70 ล้านปี

 

Mongolian death worm

 

ลึกเข้าไปในทะเลทรายอันแห้งแล้ง ยังมีนักล่าอย่าง หนอนยักษ์ต้มแดง หรือ  ไส้เดือน เป็นสัตว์ในตำนานมองโกเลีย ตัวยาวประมาณ 2-5 ฟุต กินสัตว์อื่นด้วยการพ่นพิษใส่เหยื่อของมัน บางคนบอกว่ามันสามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ด้วย (แบบปลาไหลไฟฟ้า)

จะโผล่ออกมาตอนฝนตกเท่านั้น ในปี 2548 มีการจัดคณะสำรวจและศึกษาหนอนมรณะ มองโกเลีย อย่างจริงจัง แต่ไม่พบหลักฐานการมีอยู่ของมัน แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจะไม่มีพวกมันในส่วนลึกของทะเลทรายโกบี

 

Wendigo

 

เวนดิโก สัตว์ในตำนานของชาวพื้นเมืองหลายคน ชนเผ่าในอเมริกาเหนือทั้งในแคนาดาและสหรัฐอเมริกา มีลักษณะเป็นครึ่งสัตว์มนุษย์แต่มีรูปร่างผอมจนเห็นกระดูก เป็นอสุรกายแห่งป่าที่เข้าสิงมนุษย์เพื่อกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหาร

ซึ่งในวิถีของอินเดียนแดงบางเผ่า ก็มีลักษณะคล้ายกับ เวนดิโก เช่นกัน บางคนกล่าวว่าตำนานนี้สร้างขึ้นเพื่อเตือนนักเดินทางไกลถึงอันตรายของชนเผ่ากินเนื้อคน แต่ตำนานนี้มีมานานก่อนที่คนผิวขาวจะมาถึงอเมริกา จึงอาจมีอยู่จริง

 

Chupacabra

 

Chupacabra เป็นสัตว์ที่กินเลือดแพะ มันถูกพบครั้งแรกในเปอร์โตริโก และยังมีผู้พบเห็นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ลักษณะคล้ายสุนัข สูง 4-5 ฟุต นัยน์ตาแดงก่ำ สัตว์ที่มันฆ่าเพื่อดูดเลือดยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงในท้องถิ่นด้วย เช่น สุนัข แมว ไก่ กระต่าย เป็นต้น

มีรายงานว่าเมือง Canovanas ในเปอร์โตริโก มีฟาร์มสัตว์เลี้ยงมากกว่า 150 แห่งถูก Chupacabra โจมตี อย่างไรก็ตาม มี ไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมของการพบเห็นใด ๆ มีเพียงผู้เห็นเหตุการณ์เท่านั้น และซากสัตว์ที่ถูกดูดเลือดเท่านั้น


Yeti

 

เยติ เป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ สูงกว่า 2 เมตร รูปร่างกึ่งมนุษย์กึ่งลิง ไม่มีหาง ขนสีน้ำตาลแดง (เป็นสีขาวเมื่อถูกปกคลุมด้วยหิมะ) มีนิสัยรักสงบ เยตินั้นอยู่ในความเชื่อของชาวเชอร์ปามาช้านาน มีภาพฝาผนังในวัดลามะอายุกว่า 300 ปีที่ วาดรูปเยติ  ไว้ด้วย
รวมไปถึงมีสิ่งที่เชื่อว่าเป็นหนังศีรษะของเยติถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีใน วัดลามะ แห่งหนึ่งในคุมจุง เมื่อชาวตะวันตกเริ่มเข้ามายังดินแดนแถบนี้ ก็เริ่มมีการตามล่าและค้นคว้าเกี่ยวกับเยติ ซึ่งก็ได้พบกับหลักฐานการมีอยู่ของเยติมากมาย ทั้ง รอยเท้า ขนและมูล ผู้พบเห็นส่วนมากเป็นนักปีนเขา

Bigfoot

 

สัตว์ลึกลับที่มีความคล้ายคลึงกับ เยติมาก คือรูปร่างคล้ายมนุษย์ ลำตัวสูงใหญ่ พบในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเหตุการณ์แรกที่เริ่มมีการกล่าวถึงไอ้ตีนโต คือ ปี ค.ศ. 1811 ในเมืองจัสเปอร์ ประเทศแคนาดา มีการพบรอยเท้าบนหิมะซึ่งมีขนาดยาว 14 นิ้ว กว้าง 8 นิ้ว พบโดย เดวิด ทอมป์สัน หลังจากนั้นก็มีผู้พบเห็นมันจังๆ เรื่อยมา

รายงานการพบเห็นบิ๊กฟุตมากที่สุด เกิดขึ้นที่เมืองลอนดอน รัฐโอไฮโอ มีผู้พบรอยเท้า Bigfoot ถึง 122 รอย นับว่ามากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมา ซึ่งรอยเหล่านี้ได้ถูกหล่อปูนปลาสเตอร์ไว้ด้วย

 

Nessie (Loch Ness Monster)

 

สัตว์ประหลาด ชื่อดังแห่งสกอตแลนด์ รูปร่างคล้ายไดโนเสาร์เพลสิโอซอรัส ถูกค้นพบครั้งแรกในปี พ.ศ.2477 โดย ศัลยแพทย์  รายหนึ่งสามารถถ่ายภาพของมันได้ นับจากนั้นมาก็มีผู้อ้างว่าได้เห็นเนสซีกว่า 4,000 ครั้ง ทุกวันนี้ เรื่องราวของเนสซีก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่เป็นที่สนใจของคนทั้งโลก มีผู้ไปสำรวจและศึกษามากมาย แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้หลักฐานของเนสซีที่หนักแน่นพอสักราย

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของ เนสซี ก็สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสก็อตแลนด์ และชุมชนใกล้เคียง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเพื่อหวังจะได้ยลโฉมของมัน ปัจจุบันมีบริษัทพนันประกาศมอบเงินรางวัลจำนวน 1 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 70 ล้านบาท ให้คนที่หาหลักฐานได้ว่าเนสซีมีอยู่จริงด้วย

 

Bunyip

 

ตำนาน สัตว์ประหลาด  ตัวบันยิบกล่าวถึงสัตว์ตามตำนานของทรัพยากรอะบออริจินประเทศซึ่งชื่อบันยิปนั้นแปลว่า ” ปีศาจ ” มักมาจากที่นี่มีมักขนาดใหญ่ที่มีฟันเขี้ยวหางโค้งยาวแบบตัววอล รัสคอยจับดักสัตว์ที่มาเล่นน้ำหรือกลุ่มคนที่ระวังตัวเป็นเหยื่อ

แต่ปัจจุบันนี้มีความจำเป็นบางอย่างที่จะช่วยให้ชาวบ้านโบราณทราบเพื่อเตือนให้เด็กๆ ออกจากที่นี่ตามหนองน้ำเสียมากกว่าเพราะเราจะรู้กัน ยังไงก็ตามว่าจะต้องมีสถิติเหล่านี้ถูกทำร้ายโดยแมงป่องอยู่มากมายจริงๆ

 

บทความแนะนำ