ตำนานพื้นบ้าน ของไทยที่ควรรู้จัก

ตำนานพื้นบ้าน ตำนานพื้นบ้านและนิทานพื้นบ้าน เป็นเรื่องราวรูปแบบหนึ่งที่มีคุณธรรมที่น่าสนใจและมีความสำคัญบางประการที่ทำให้ตำนานเล่าขานกันสืบทอดกันมาหลายยุคสมัย ซึ่งจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่แต่งขึ้นก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ ทั้งผู้เล่าเรื่องและผู้ฟังมีสิทธิ์ที่จะคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ผู้คนมักอ้างว่าเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นกับเพื่อนของเพื่อน เมื่อเล่าตำนานพื้นบ้านก็มักเรียกกันว่า “เพื่อนของเพื่อน” ในยุคสมัครครั้งแรกที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ตำนานพื้นบ้านถูกส่งต่อกันแบบปากต่อปาก จากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นความถูกต้องแท้จริงของเนื้อหา และรายละเอียดจะบิดเบือนไปจากของจริงเล็กน้อยมากหรือน้อย รายละเอียดบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และตำนานนั้นมีมานานแค่ไหนแล้ว? ผ่านไปกี่ยุคแล้ว? มันบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

จนถึงยุคปัจจุบันที่มีอินเทอร์เน็ต ตำนานพื้นบ้านมักเผยแพร่ผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงอีเมล fwd และการโพสต์บนเว็บไซต์ หรือส่งกันผ่านกลุ่มไลน์ต่างๆ ความเพี้ยนลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีต้นฉบับมาให้เปรียบเทียบ

 

ความหมายของตำนาน

 

ตำนานพื้นบ้าน ตำนานในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้คำจำกัดความของตำนานไว้ว่า “เรื่องราวแสดงถึงกิจกรรมที่มีมาตั้งแต่อดีต เรื่องราวที่เล่าขานกันมายาวนาน เช่น ตำนานเจดีย์แห่งสยาม” ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และประเพณีต่างๆ ของคนในอดีต มันอาจจะจริงหรืออาจจะไม่จริงก็ได้ อาจมีหรือไม่มีหลักฐานก็ได้

ตำนาน หรือ ตำนาน หรือ เทพปกรณัม มาจากคำภาษาอังกฤษว่า Myth ซึ่งเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าเรื่องราวที่อธิบายการกำเนิดของจักรวาล, ต้นกำเนิดของเทพเจ้า, และกำเนิดของมนุษย์และสัตว์ และอธิบายความสัมพันธ์และกฎเกณฑ์ ตลอดจนข้อดีข้อเสียของพฤติกรรมต่างๆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา และพิธีกรรมโบราณ เช่น เทพเจ้าในศาสนาฮินดู ขุนบรมแห่งลาว พญาคันคากแห่งอีสาน เป็นต้น

ตำนานเป็นเรื่องราวของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเรื่องราวของบุคคลสำคัญจากชนชาติต่างๆ เช่น กษัตริย์ ผู้ปกครอง และอื่นๆการก่อสร้างบ้านแป้งเมืองในสมัยโบราณ เรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุมงคลหรือโบราณสถาน ฯลฯ เรื่องราวเหล่านี้เคยเล่าสู่กันฟังมาก่อน จนกระทั่งการพิมพ์พัฒนาขึ้นก็มีคนรู้และบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

แต่เรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้เพราะมีช่วงเวลาอันห่างไกลกับเหตุการณ์ ดังนั้นเนื้อหาของตำนานจึงมีทั้งข้อเท็จจริงปนกับเรื่องราวที่คล้ายกับตำนาน ในนิทานพื้นบ้านอีสาน มีตำนานที่น่าสนใจมากมาย เช่น ตำนานท้าวหุงหรือเจื่อง ตำนานอุรังอุตัง ตำนานพญาคันคาก ตำนานหนองหารหลวงและในจังหวัดยโสธร มีตำนานที่น่าสนใจมากมาย เช่น ตำนานพระธาตุกองข้าวน้อย ที่บ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง ตำนานพระธาตุพระอานนท์ ที่ตำบลในเมืองยโสธร ตำนานพระธาตุองอาจกระบาลหลวง หรือ พระธาตุคุน ณ บ้านสิงห์ ตำบลสิงห์ ตำนานทองสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปที่บ้านสะเดา ตำบลตาดทอง ฯลฯ

 

ความแตกต่างระหว่างตำนานพื้นบ้าน และนิทานพื้นบ้าน

 

ถึงแม้ว่าตำนานพื้นบ้าน และนิทานพื้นบ้าน จะมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก คนส่วนมากมักจะแยกไม่ค่อยออก และเหมารวมกันว่าตำนานพื้นบ้าน และนิทานพื้นบ้านเป็นสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างตำนานเป็นดังนี้

ตำนานพื้นบ้าน

  • เป็นเรื่องราวดั้งเดิม ที่อธิบายถึงประวัติศาสตร์ หรือปรากฏการณ์ทางศาสนาต่อผู้ชม
  • ถือเป็นเอกสารทางประวัติศาสตร์ชั้นต้น ช่วยอธิบายเรื่องราว ของอดีตให้คลี่คลาย และนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของ วัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนประวัติความเป็นมา ของสังคม แต่ละท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
  • เนื่องจากตำนานเป็นงานที่เกิดขึ้นจากการสั่งสมทาง ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม ตลอดจนทัศนคติของ คนหลายยุคสมัย

นิทานพื้นบ้าน

  • เน้นความบันเทิง
  • บางครั้งก็สอนบทเรียนชีวิตด้วย
  • เรื่องเล่าที่เล่าสืบต่อกันมา มุ่งให้เห็น ความบันเทิง แทรกแนวคิด คติสอนใจ จนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทย อย่างหนึ่ง อาจเรียก นิทานพื้นบ้าน นิทานพื้นเมือง นิทานชาวบ้าน เป็นต้น

 

ตำนานพื้นบ้านของไทยที่ควรรู้จัก ตำนานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่

 

ตำนานก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ประวัติของการสร้างธาตุแห่งนี้แตกต่างไปจากธาตุอื่น ๆ ที่มักเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา โดยเป็นนิทานพื้นบ้านเล่าว่า มีชายหนุ่มชาวนา (บ้างว่าชื่อ ทอง) ที่ได้ทำนาทั้งชีวิต วันหนึ่งเขาออกไปไถนา ในเวลาเที่ยงเขาเหนื่อยล้า รู้สึกเกิดอาการร้อนรนและหิวโซ มารดาของหนุ่มชาวนามาส่งข้าว แต่มาช้ากว่าเวลาปกติ ชายหนุ่มเห็นว่าก่องข้าวที่มารดาถือมาให้นั้นก่องเล็กมาก เขาโกรธมารดามาก จึงทำร้ายมารดาด้วยความโมโหหิว เอาคันไถนาฟาดไปที่มารดา จนมารดาล้มและเสียชีวิต หลังจากนั้นเขากินข้าวที่มารดานำมาให้ แต่ก็กินเท่าไรข้าวก่องน้อยนั้นก็ไม่หมดก่อง ลูกชายเริ่มได้สติ หันมาเห็นมารดานอนเสียชีวิตบนพื้น จึงรู้สึกเสียใจมากที่ได้ทำผิดไป จึงได้สร้างธาตุก่องข้าวน้อยแห่งนี้ขึ้นมาด้วยมือเพื่อชดใช้บาปกรรม

 

ตำนานชาละวัน

 

ตำนานชาละวัน มีตายายสองสามีภรรยา ออกไปหาปลาพบไข่จระเข้ที่สระน้ำแห่งหนึ่ง จึงเก็บมาฟักเป็นตัวแล้วเลี้ยงไว้ในอ่างน้ำ เพราะยายอยากเลี้ยงไว้แทนลูก ต่อมาจระเข้ตัวใหญ่ขึ้นจึงนำไปเลี้ยงไว้ในสระใกล้บ้านหาปลามาให้เป็นประจำ ต่อมาตายายหาปลามาให้เป็นอาหารไม่พออิ่ม จระเข้ตัวนั้นจึงกินตายายเป็นอาหารเมื่อขาดคนเลี้ยงดูให้อาหาร จระเข้ใหญ่จึงออกจากสระไปอาศัยอยู่ในแม่น้ำน่านเก่าซึ่งอยู่ห่างจากสระตายาย

 

ตำนานทุ่งกุลาร้องไห้

 

ตำนานทุ่งกุลาร้องไห้ เมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ในฤดูแล้งมี “ชนเผ่ากุลา” ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่า ได้บรรทุกของมาเร่ขายหลายคันเกวียนด้วยกัน และเป็นเส้นทางที่พ่อค้าเหล่านี้ยังไม่เคยเดินผ่านทุ่งแห่งนี้มาก่อน ทำให้ไม่ทราบระยะทางที่แท้จริง เพราะมองเห็นเมืองป่าหลาน อยู่หลัดๆ แต่หารู้ไม่ว่า ใกล้ตาแต่ไกลตีน ขณะเดินทางข้ามทุ่ง รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก และในช่วงนั้นเป็นฤดูแล้งด้วย น้ำจะดื่มก็ไม่มี ต้นไม้จะอาศัยร่มเงาแม้แต่เพียงต้นเดียวก็ไม่มี แดดก็ร้อนจัด จึงพากันร้องไห้โฮอยู่ที่ทุ่งแห่งนี้ สินค้าก็ตากแดดเสียหายไปครึ่งหนึ่ง จึงตัดสินใจทิ้งสินค้าที่เสียไป เดินทางไปได้อีกหน่อยสินค้าที่มีทั้งหมก็เสียจึงต้องทิ้งทั้งหมด และเมื่อออกจากทุ่งนี้ไปได้ พอไปได้ถึงตัวเมืองก็พบว่ามีคนเยอะมากมามุงดูสินค้าที่หาบมาขาย แต่ไม่มีของแล้ว จึงร้องไห้โฮออกมาเป็นครั้งที่สอง โถ น่าสงสาร

 

ตำนานท้าวแสนปม

 

ตำนานท้าวแสนปม เป็นนิทานพื้นบ้านแบบเล่าปากต่อปาก ตำนานพื้นบ้าน หรือเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ ของชาวชนพื้นบ้านเมืองกำแพงเพชร และแพร่กระจายออกไปจนทั่วภาคกลางตอนบน จนกระทั่ง เมื่อในหลวงรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนำไปแต่งเป็นบทละคร เรื่องนี้จึงได้แพร่หลายออกไปยังบรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิต ผู้รู้ ผู้คงแก่เรียน และผู้ได้รับการศึกษาทั้งหลาย มีการเล่าขานสืบต่อกันไปในวงกว้างระดับประเทศ จนกลายเป็นเรื่องที่อยู่ในบรรดาเรื่องเล่าพื้นบ้านไทยที่กลายเป็นนิทานอมตะ เป็นฉากหลังของความเป็นไทยที่สั่งสมสืบทอดกันต่อมาช้านาน

 

บทความแนะนำ